ฟุตบอลโลก

ฟุตบอลโลก ในอีก 4 ปีข้างหน้า กับ World Cup 2026 และโอกาสของทีมชาติไทย

ฟุตบอลโลก ในปี 2026 กับการเพิ่มจำนวนทีมในรอบสุดท้าย

ฟุตบอลโลก นอีก 4 ปีข้างหน้า อย่างทีทราบกันดีอยู่แล้วว่า ทาง FIFA ได้ทำการประกาศ ชาติที่จะรับหน้าสื่อ ในการเป็นเจ้าภาพ ได้แก่ 6 ชาติคือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก โดยทั้งสามประเทศนี้ จะรับหน้าที่ ในการเป็นเจ้าภาพร่วมกัน

และอีกหนึ่งประเด็นสำคัญ ที่ทาง FIFA ได้ประกาศออกมาพร้อมกันคือ เรื่องของการเพิ่มจำนวนทีม ที่จะเข่สร่วมการแข่งขัน จากในปัจจุบัน มีทั้งหมด 32 ชาติ โดยในอีก 4 ปีข้างหน้า จะเพิ่มจำนวนทีมเป็น 48 ทีม ซึ่งแน่นอนว่า จากการประกาศ เพิ่มจำนวนทีมที่ว่านี้ 

ชาติต่าง ในทุกทวีปที่เป็นสามาชิกของ FIFA ย่อมได้นับ อานิสงส์ในเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากมองว่า การเพิ่มจำนวนทีมนี้ จะเป็นการเพิ่มโอกาศในการเข้าสู่รอบสุดท้าย ของชาตินั้นๆด้วย ไม่เว้นแม้กระทั้ง ทีมชาติไทยของเราเอง

ฟุตบอลโลก

ทวีปเอเชีย กับการได้โควตาเพิ่มเป็น 8 ทีม ในอีก 4 ปีข้างหน้า

ในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าจับตามองมากทีเดียว ของชาติสมาชิกในทวีปเอเชีย ปกติแล้ว ทวีปเอเชีย จะได้โควตาในรอบสุดท้ายที่ 4.5 ทีม หรือให้เข้าใจง่ายว่า ได้โควตาทั้งหมด 4 ทีมครึ่ง เพิ่มขึ้นมาเป็น 8 ทีมสำหรับในเอเชีย ซึ๋งมันจะเป็นการเพิ่มโอกาศ ให้กับชาติ ในทวีปเอเชียโดยตรง

ซึ่งโอกาศที่ว่านี้ ถ้าไม่นับรวม ขาประจำในบอลโลก อย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ซาอุดิอาราเบีย อิหร่าน รวมถึงออสเตรเลีย นอกเหนือจากทีมเหล่านี้ แล้วจะมีชาติไหนบ้าง ที่พอจะมีโอกาศ เป็นหนึ่งใน 8 ทีมนั้น ถ้าเราลองพิจารณา จากชาติที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้าย 

ก็จะมองเห็นอย่างเช่น ยูเออี บาร์เรน อิรัก จีน รวมถึงไทย และเวียดนาม ที่เคยผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีม ในการคัดเลือก โซนเอเชีย ใน 2 ครั้งหลัง และถ้ามองถึงทีมชาติไทย เราคิดว่าทีมชาติไทยของเรานั้น จะมีโอกาศ มากน้อยแค่ไหน

ฟุตบอลโลก

ทีมชาติไทย กับโอกาศได้ไป ฟุตบอลโลก ในอีก 4 ปีข้างหน้า

ฟุตบอลโลก กับทีมชาติไทย หลายๆคนเชื่อว่า มันคงเป็นเรื่องที่ไกลเกินฝันจริงๆ ถ้าดูจากผลงานในช่วงหลัง ที่ผ่านมา แต่มันก็ไม่ใช่ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้เช่นกัน ถ้าให้เราลองเปรียบเทียบ ผลงานของทีมชาติไทย ในทุกชุด ที่ออกไปทำการแข่งขันรายการต่างๆ 

ถ้าพูดถึง การแข่งขันของทีมชุดใหญ่ อย่างในรายการเอเชี่ยนคัพ ที่เป็นรายการ แข่งขันกันในระดับทวีป ถ้าเราไม่นับรวม ชาติขาประจำบอลโลก อย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ซาอุดิอาราเบีย อิหร่าน ออสเตรเลีย ซึ่งการแข่งขันในรายการต่างๆเหล่านี้ ถ้าลองมองดูให้ดี ทีมชาติไทยของเรา ก็มักจะผ่านรอบคัดเลือก เข้าไปทำการแข่งขัน อยู่บ่อยๆ 

การที่จะต้องเจอ ทีมอย่าง การ์ตาร์ อุซเบกิสถาน โอมาน เลบานอน ซีเรีย อิรัก จีน บาร์เรน อิรัก เวียดนาม ทีมต่างๆเหล่านี้ ถือเป็นทีม ที่จะเรียกก็ได้ว่า เป็นทีมระดับ เกรด B ถึง ฺB+ ของทวีป เรามองว่า ถ้าเรามีการเตรียมพร้อมที่ดี การแข่งขันกับทีมต่างๆเหล่านี้ เรายังมองเห็นถึงความสูสี

และพอจะมองเห็นโอกาศ ในการเอาชนะได้ ซึ่งถ้าเราพูดถึง ณ ตอนนี้ เราก็ยังไม่รู้ว่า การแข่งขันในวันนั้น จะเกิดขึ้นมาในรูปแบบไหน แต่ทั้งหมด และเป็นสิ่งสำคัญที่สุด คือการเตรียมความพร้อม และแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆที่เคยเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำๆ เป็นวงจรเดิมๆอีก 

ฟุตบอลโลก

สมาคมฟุตบอล ถือว่ามีบทบาทสำคัญที่สุด กับภารกิจนี้

ในภูมมิภาค อาเซียน จะว่าไปแล้ว ทีมชาติไทยของเรา ถือว่า เป็นชาติที่เข้าใกล้ กับฟุตบอลโลก มากที่สุด เราเคยเข้าถึงรอบ 10 ทีมสุุดท้าย ในการคัดเลือกปี 2002 และครั้งหลังสุด กับรอบ 12 ทีมสุดท้าย ในการคัดเลือก บอลโลกปี 2018 

ทั้งสองครั้ง ที่เราได้เข้าไป ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า มาจากการบริหาร จัดการ และการวางแผนเตรียมทีมที่ดี ของสมาคมในช่วงนั้น ในปี 2002 เรามีพื้นฐานจากการสร้างชุด ดรีมทีม และในปี 2018 เราก็มีโมเดลที่คล้ายกัน นั่นก็คือ การสร้างทีม รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ด้านยุทธสาศตร์ แผนงานที่ดี ที่มีการบริหาร อย่างเป็นระบบระเบียบ รวมถึงงบประมาณ

ถ้าสมาคม ในฐานะฝ่ายบริหารโดยตรง ของฟุตบอลไทย บอกได้เลยว่า ถ้าเรายังทำเหมือนเดิม เหมือนผ่านๆมา ต่อให้ FIFA เพิ่มขึ้นมาเป็น 10 ทีม เราก็ไม่มีวันเข้าใกล้คำว่า World Cup รอบสุดท้าย เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น 

โดยมองว่า ต้นตอ และสาเหตุสำคัญ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความล้มเหลว มาจากการบริหาร จัดการ ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการบริหาร ทีมชาติไทย ทุกๆชุด ที่ออกไปทำการแข่งขัน ทั้งที่ในบางรายการ เรามีนักเตะ ที่มีศักรยภาพล้นเหลือ อย่างเช่นนักฟุตบอล ชุดยู 23 ที่เพิ่งตกรอบเอเชีย มาหมาดๆ

นักเตะทุกคน มีโปร์ไฟล์ และฝีเท้า ที่ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดา แต่ปัจจัยอื่น นอกจากนั้น เช่นเรื่องของระยะเวลาการเตรียมทีม ที่มองว่ามันเป็นปัญหาใหญ่ ของฟุตบอลไทยที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง และยังไม่มีวันที่จะแก้ไขได้ 

ต้องออกไปสู้ศึกรายการสำคัญ แต่นักฟุตบอล มีเวลาฝึกซ้อม สร้างความเข้าใจในทีม เหมือนกับว่าจะไปแข่งกีฬาสี ถ้ายังเป็นเช่นนี้ ต่อให้เอาผู้ฝึกสอนที่ดีที่เข้ามา ก็มิวายโดนปลด จากตำแหน่ง เหมือนในกรณีของ อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่น

เพราะถ้าเวลาตรงนี้ขาดหายไป มันก็เท่ากับว่า ไม่มีเวลาให้ผู้ฝึกสอน ใช้ในการปรับจูนทีมเช่นกัน เป็นยังไงกันบ้าง บทความกีฬาที่น่าสนใจ ที่เราเสนอในวันนี้ ท่าสามารถติดตามอ่านบทความใหม่ๆได้ทุกวันที่นี่

เรียบเรียงโดย Bangball